แนวข้อสอบ นักวิชาการภาษีปฏิบัติการ กรมสรรพากร

การสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการภาษีปฏิบัติการของกรมสรรพากรถือเป็นเป้าหมายของใครหลายคนที่ต้องการความมั่นคงในอาชีพ แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าควรเตรียมตัวอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเทคนิคการเตรียมตัวสอบอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสอบผ่านและก้าวเข้าสู่เส้นทางข้าราชการกรมสรรพากรอย่างที่ใฝ่ฝัน

ทำความเข้าใจกับตำแหน่งนักวิชาการภาษีปฏิบัติการ

ก่อนที่เราจะเริ่มเตรียมตัวสอบ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจกับตำแหน่งที่เราต้องการจะสอบอย่างถ่องแท้ นักวิชาการภาษีปฏิบัติการเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดเก็บรายได้ของประเทศ มีหน้าที่หลักในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับภาษีอากรประเภทต่างๆ

บทบาทและความรับผิดชอบ

นักวิชาการภาษีปฏิบัติการมีหน้าที่หลักในการ:

• ตรวจสอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีอากร
• ให้คำปรึกษาและตอบข้อหารือด้านภาษีอากร
• วิเคราะห์และวางแผนการจัดเก็บภาษี
• ตรวจสอบและติดตามการชำระภาษีของผู้เสียภาษี
• ศึกษาและพัฒนาระบบงานด้านภาษีอากร

การเข้าใจบทบาทเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของงานและเตรียมตัวสอบได้ตรงประเด็นมากขึ้น เปรียบเสมือนเรารู้จุดหมายปลายทางชัดเจน การเดินทางก็จะมีทิศทางที่แน่นอน

วางแผนการเตรียมตัวสอบอย่างเป็นระบบ

การสอบนักวิชาการภาษีปฏิบัติการไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถหากคุณมีการวางแผนที่ดี คุณต้องเปรียบเหมือนนักกลยุทธ์ที่วางแผนรบอย่างรอบคอบ โดยเริ่มจากการสำรวจเนื้อหาที่ต้องเตรียม ระยะเวลาที่มี และจัดตารางการอ่านหนังสือให้เหมาะสม

เนื้อหาที่ต้องเตรียมสอบ

1. ความรู้ทั่วไป
   • ความรู้เกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง
   • ภาษาไทย
   • ภาษาอังกฤษ
2. ความรู้เฉพาะตำแหน่ง
   • ประมวลรัษฎากร
   • หลักการบัญชี
   • เศรษฐศาสตร์การคลัง
   • กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี
   • ระเบียบการปฏิบัติราชการ

การจัดสรรเวลาอ่านหนังสือ

ผมขอแนะนำให้คุณแบ่งเวลาออกเป็นช่วงๆ ดังนี้:

• 50% สำหรับความรู้เฉพาะตำแหน่ง โดยเฉพาะประมวลรัษฎากร
• 30% สำหรับความรู้ทั่วไป
• 20% สำหรับการทำข้อสอบเก่าและทบทวน

คุณอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด” สำหรับการเตรียมตัวสอบก็เช่นกัน การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างทั่วถึง

เทคนิคการอ่านประมวลรัษฎากรให้เข้าใจและจำได้

ประมวลรัษฎากรเป็นเนื้อหาหลักที่มีความสำคัญสูงสุดในการสอบ แต่ก็เป็นเรื่องที่หลายคนรู้สึกว่ายากและซับซ้อน ลองนึกภาพว่าประมวลรัษฎากรเปรียบเสมือนแผนที่ขุมทรัพย์ ที่ซ่อนเงื่อนไขและข้อยกเว้นมากมาย การจะเข้าใจและจดจำได้ต้องอาศัยวิธีการที่เหมาะสม

การแบ่งหมวดหมู่เนื้อหา

ขอแนะนำให้แบ่งการอ่านประมวลรัษฎากรออกเป็นส่วนๆ ดังนี้:

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (มาตรา 39-57)
   • การจัดเก็บภาษี
   • เงินได้พึงประเมิน
   • ค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
   • อัตราภาษี
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (มาตรา 65-76)
   • การคำนวณกำไรสุทธิ
   • รายจ่ายต้องห้าม
   • การยื่นแบบและชำระภาษี
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (มาตรา 77-90)
   • ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
   • ฐานภาษีและอัตราภาษี
   • การคำนวณภาษี
   • เครดิตภาษี
4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (มาตรา 91-103)
   • กิจการที่ต้องเสียภาษี
   • ฐานภาษีและอัตราภาษี

เทคนิคการจดจำ

การจดจำกฎหมายภาษีอากรไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีเทคนิคที่จะช่วยให้คุณจำได้ดีขึ้น:

1. Mind Map: สร้างแผนผังความคิดเพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาต่างๆ เข้าด้วยกัน
2. การสรุปย่อ: จดบันทึกประเด็นสำคัญด้วยภาษาของตัวเอง
3. ตัวอย่างประกอบ: คิดตัวอย่างสถานการณ์จริงที่เกี่ยวข้องกับมาตราต่างๆ
4. การทบทวนซ้ำ: ทบทวนเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอตามหลักการเรียนรู้แบบ Spaced Repetition

คุณเคยสังเกตไหมว่า เวลาเราเล่าเรื่องให้คนอื่นฟัง เราจะจำเรื่องนั้นได้ดีขึ้น? ลองใช้วิธี “สอนคนอื่น” โดยการอธิบายเนื้อหาที่คุณเพิ่งอ่านให้เพื่อนหรือตัวเองฟัง จะช่วยให้คุณเข้าใจและจดจำได้ดียิ่งขึ้น

การทำความเข้าใจหลักการบัญชีสำหรับการสอบ

หลักการบัญชีเป็นอีกหนึ่งเนื้อหาสำคัญที่มักปรากฏในข้อสอบนักวิชาการภาษี เนื่องจากการตรวจสอบภาษีต้องอาศัยความรู้ทางบัญชีในการวิเคราะห์งบการเงินและรายการบัญชี

หัวข้อสำคัญทางบัญชี

1. หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
   • การรับรู้รายได้และค่าใช้จ่าย
   • การวัดมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สิน
2. งบการเงิน
   • งบแสดงฐานะทางการเงิน
   • งบกำไรขาดทุน
   • งบกระแสเงินสด
3. การวิเคราะห์งบการเงิน
   • อัตราส่วนทางการเงิน
   • การวิเคราะห์แนวโน้ม

การบัญชีและภาษีมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน หากคุณเข้าใจหลักการบัญชี คุณจะสามารถเข้าใจภาษีได้ดียิ่งขึ้น

ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์การคลังที่ต้องทราบ

เศรษฐศาสตร์การคลังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจนโยบายภาษีและการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ผู้ที่จะเป็นนักวิชาการภาษีควรมีความรู้ในประเด็นต่อไปนี้:

ประเด็นสำคัญในเศรษฐศาสตร์การคลัง

1. นโยบายการคลัง
   • บทบาทของนโยบายการคลังในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
   • เครื่องมือนโยบายการคลัง (รายจ่ายรัฐบาล ภาษีอากร)
2. ระบบภาษีอากรที่ดี
   • หลักความเป็นธรรม
   • หลักความมีประสิทธิภาพ
   • หลักความเป็นกลาง
   • หลักความแน่นอนชัดเจน
   • หลักความประหยัด
3. ผลกระทบของภาษีต่อระบบเศรษฐกิจ
   • ภาระภาษี (Tax Incidence)
   • การผลักภาระภาษี (Tax Shifting)
   • ความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ (Deadweight Loss)

ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์การคลังจะช่วยให้คุณเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังระบบภาษี เหมือนกับการรู้ที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ จะทำให้เราเข้าใจและจดจำได้ดีกว่าการท่องจำเพียงอย่างเดียว

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี

นอกจากประมวลรัษฎากรแล้ว ยังมีกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีที่ผู้สอบควรรู้:

กฎหมายสำคัญที่ควรศึกษา

1. พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
   • หลักการพื้นฐานของการปฏิบัติราชการ
   • คำสั่งทางปกครอง
   • การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง
2. พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562
   • การให้บริการประชาชนผ่านช่องทางดิจิทัล
   • การแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
3. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
   • สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการ
   • ข้อมูลที่เปิดเผยได้และไม่ได้

เมื่อต้องเผชิญกับกฎหมายจำนวนมาก คุณอาจรู้สึกเหมือนกำลังเดินในป่าทึบ แต่หากคุณแบ่งการศึกษาออกเป็นส่วนๆ และเชื่อมโยงกับการทำงานจริง จะช่วยให้คุณเข้าใจและจำได้ดีขึ้น

เทคนิคการทำข้อสอบให้ได้คะแนนสูง

การเตรียมตัวไม่ใช่เพียงแค่การอ่านหนังสือ แต่ยังรวมถึงการฝึกทำข้อสอบเพื่อให้คุณคุ้นเคยกับรูปแบบและเทคนิคการทำข้อสอบ

การวิเคราะห์ข้อสอบเก่า

การศึกษาข้อสอบเก่าเป็นเสมือนเข็มทิศที่จะนำทางคุณไปสู่ความสำเร็จ:

1. รวบรวมข้อสอบเก่า: หาข้อสอบย้อนหลัง 3-5 ปี เพื่อวิเคราะห์แนวทางการออกข้อสอบ
2. วิเคราะห์ความถี่: สังเกตว่าหัวข้อใดถูกถามบ่อย และให้น้ำหนักในการอ่านมากเป็นพิเศษ
3. ศึกษาลักษณะคำถาม: ทำความเข้าใจว่าข้อสอบมักถามในลักษณะใด เช่น การตีความ การคำนวณ หรือการประยุกต์ใช้

เทคนิคการตอบข้อสอบปรนัย

1. อ่านคำถามให้ละเอียด: บางครั้งคำถามอาจมีคำสำคัญที่ชี้นำไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง
2. ตัดตัวเลือกที่ผิดชัดเจน: เริ่มจากการตัดตัวเลือกที่แน่ใจว่าไม่ถูกต้อง
3. จัดการเวลา: แบ่งเวลาให้เหมาะสมกับจำนวนข้อสอบ
4. ไม่ทิ้งข้อว่าง: ในกรณีที่ไม่แน่ใจ ให้เลือกคำตอบที่คิดว่าน่าจะถูกที่สุด

เทคนิคการตอบข้อสอบอัตนัย

1. วางโครงร่างคำตอบ: ก่อนเริ่มเขียน ให้วางโครงร่างประเด็นที่จะตอบ
2. ใช้ภาษาที่กระชับชัดเจน: หลีกเลี่ยงการเขียนวกวน
3. ยกตัวอย่างประกอบ: การยกตัวอย่างจะช่วยให้คำตอบมีความชัดเจนมากขึ้น
4. อ้างอิงกฎหมาย: ระบุมาตราหรือหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงความรู้ความเข้าใจ

คุณเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “การฝึกฝนทำให้เกิดความชำนาญ” หรือไม่? การฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับรูปแบบคำถามและสามารถจัดการกับความเครียดในห้องสอบได้ดีขึ้น

การเตรียมตัวด้านจิตใจและร่างกาย

การสอบไม่ได้ต้องการเพียงแค่ความรู้ แต่ยังต้องการสภาพจิตใจและร่างกายที่พร้อม เหมือนกับนักกีฬาที่ต้องเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมก่อนการแข่งขันสำคัญ

การจัดการความเครียด

1. กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้: ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถบรรลุได้
2. แบ่งการเรียนเป็นส่วนย่อย: ไม่พยายามเรียนทุกอย่างในคราวเดียว
3. พักผ่อนอย่างเพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนช่วยให้สมองประมวลและจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น
4. เทคนิคผ่อนคลาย: ลองใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิเพื่อลดความเครียด

การดูแลสุขภาพ

1. อาหารบำรุงสมอง: ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีโอเมก้า-3 วิตามินบี และโปรตีน
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง
3. ดื่มน้ำเพียงพอ: สมองที่ขาดน้ำจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

สุขภาพกายและใจที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จ เปรียบเสมือนรถยนต์ที่ต้องมีเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์พร้อมเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพ จึงจะสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การสร้างกลุ่มการเรียนที่มีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมตัวสอบได้อย่างมาก การแลกเปลี่ยนความรู้ ไอเดีย และมุมมองกับเพื่อนร่วมทางจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ และเติมเต็มช่องว่างในความรู้ของคุณ

การสร้างกลุ่มเรียนที่มีประสิทธิภาพ

1. เลือกสมาชิกที่มีเป้าหมายเดียวกัน: หาเพื่อนที่มีความมุ่งมั่นและจริงจังกับการสอบ
2. กำหนดตารางเรียนที่ชัดเจน: นัดหมายเวลาและหัวข้อที่จะศึกษาในแต่ละครั้ง
3. แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ: มอบหมายให้แต่ละคนเตรียมสรุปในหัวข้อที่ตนถนัด
4. จัดทำธนาคารข้อสอบร่วมกัน: รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อสอบเก่าหรือแบบฝึกหัด

กิจกรรมกลุ่มที่น่าสนใจ

1. ติวแบบ Peer Teaching: ผลัดกันสอนในหัวข้อที่ตนเองถนัด
2. Mock Exam: จัดสอบจำลองเพื่อวัดความพร้อมและจัดการเวลา
3. กลุ่มอภิปราย: แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่ซับซ้อน
4. การแก้โจทย์ปัญหาร่วมกัน: ฝึกแก้โจทย์การคำนวณภาษีหรือกรณีศึกษาร่วมกัน

มีคำกล่าวว่า “ถ้าคุณต้องการไปเร็ว ให้ไปคนเดียว แต่ถ้าคุณต้องการไปได้ไกล ให้ไปด้วยกัน” การเรียนรู้ร่วมกันจะช่วยให้คุณก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

แหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการเตรียมตัวสอบ

ในยุคดิจิทัล เรามีแหล่งข้อมูลมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการเตรียมตัวสอบ การรู้จักเลือกใช้แหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพจะช่วยให้การเตรียมตัวของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หนังสือและตำราที่แนะนำ

1. ประมวลรัษฎากรฉบับสมบูรณ์: เลือกฉบับที่มีการอธิบายและตัวอย่างประกอบ
2. คู่มือสรุปประมวลรัษฎากร: หนังสือที่รวบรวมสาระสำคัญแบบกระชับ
3. หลักการบัญชี: ตำราที่อธิบายหลักการบัญชีเบื้องต้นอย่างเข้าใจง่าย
4. เศรษฐศาสตร์การคลัง: หนังสือที่ครอบคลุมทฤษฎีการคลังและภาษีอากร

แหล่งข้อมูลออนไลน์

1. เว็บไซต์กรมสรรพากร: ศึกษาประกาศ คำสั่ง และแนวปฏิบัติล่าสุด
2. คลิปวิดีโอสอนภาษีอากร: มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านสอนผ่าน YouTube
3. แอปพลิเคชันเตรียมสอบ: มีแอปที่รวบรวมข้อสอบและแบบฝึกหัดให้ทดลองทำ
4. กลุ่ม Facebook และ Line: เข้าร่วมกลุ่มผู้เตรียมสอบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์

สิ่งที่ควรทำในช่วงเวลาก่อนสอบ

เมื่อวันสอบใกล้เข้ามา การเตรียมตัวในช่วงสุดท้ายมีความสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนนักกีฬาที่ต้องปรับร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดก่อนการแข่งขัน คุณควรมีแผนการที่ชัดเจนสำหรับวันและสัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบ

1 สัปดาห์ก่อนสอบ

1. ทบทวนสรุป: ทบทวนบันทึกและสรุปเนื้อหาทั้งหมดที่คุณได้เตรียมไว้
2. ทำข้อสอบจับเวลา: ฝึกทำข้อสอบเสมือนจริงโดยจับเวลาตามกำหนดการสอบ
3. วิเคราะห์จุดอ่อน: ระบุหัวข้อที่ยังไม่แข็งแรงและให้เวลากับการทบทวนเพิ่มเติม
4. จัดเตรียมอุปกรณ์: เตรียมบัตรประชาชน ดินสอ ปากกา นาฬิกา และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการสอบ

3 วันก่อนสอบ

1. ทบทวนเฉพาะจุดสำคัญ: มุ่งเน้นทบทวนเนื้อหาที่มีน้ำหนักคะแนนสูงและมักออกข้อสอบบ่อย
2. ลดการอ่านเนื้อหาใหม่: หลีกเลี่ยงการเรียนรู้เนื้อหาใหม่ที่อาจทำให้สับสน
3. ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย: ฝึกการหายใจลึกๆ และเทคนิคคลายความเครียดอื่นๆ

1 วันก่อนสอบ

1. พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับให้เต็มที่อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
2. จัดเตรียมชุดและอุปกรณ์: เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่จะใช้ในวันสอบให้พร้อม
3. ตรวจสอบสถานที่สอบ: ยืนยันเส้นทางและเวลาเดินทางไปยังสถานที่สอบ
4. งดกิจกรรมที่ทำให้เครียดหรือเหนื่อย: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก

ช่วงสุดท้ายก่อนสอบไม่ใช่เวลาที่จะอัดความรู้ใหม่ๆ แต่เป็นเวลาของการทบทวนและเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เหมือนกับที่เรามักได้ยินว่า “การเตรียมพร้อมที่ดีคือครึ่งหนึ่งของความสำเร็จ”

สรุปเทคนิคการเตรียมตัวสอบนักวิชาการภาษีปฏิบัติการอย่างมืออาชีพ

การสอบนักวิชาการภาษีปฏิบัติการของกรมสรรพากรเป็นการสอบที่ต้องการทั้งความรู้ ทักษะ และกลยุทธ์ในการเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพ การวางแผนอย่างเป็นระบบ การทำความเข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

อย่าลืมว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากความสามารถหรือโชคเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความตั้งใจ ความพยายาม และการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ดังคำกล่าวที่ว่า “ชัยชนะไม่ได้อยู่ที่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่อยู่ที่คนที่เตรียมตัวดีที่สุด”

ขอให้คุณนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับรูปแบบการเรียนรู้ของคุณ และขอให้ประสบความสำเร็จในการสอบนักวิชาการภาษีปฏิบัติการ อาชีพที่มั่นคงและมีเกียรติกำลังรอคุณอยู่!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: ควรเริ่มเตรียมตัวสอบล่วงหน้านานแค่ไหนจึงจะเหมาะสม?

A: ระยะเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้และเวลาที่มี แต่โดยทั่วไปควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนโดยเฉพาะประมวลรัษฎากร หากคุณมีพื้นฐานด้านภาษีอากรหรือบัญชีอยู่แล้ว อาจใช้เวลาน้อยลง แต่หากเริ่มจากศูนย์ อาจต้องใช้เวลามากกว่านี้

Q2: มีเทคนิคการจำมาตราในประมวลรัษฎากรอย่างไรบ้าง?

A: การจำมาตราในประมวลรัษฎากรทำได้หลายวิธี เช่น การสร้างแผนผังความคิด (Mind Map) เชื่อมโยงมาตราต่างๆ การใช้บัตรคำ (Flashcards) ทบทวนเป็นประจำ การสร้างตัวย่อหรือคำสัมผัสเพื่อช่วยจำ และที่สำคัญคือการฝึกทำโจทย์ที่เกี่ยวข้องกับมาตรานั้นๆ บ่อยๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งไม่ใช่แค่การท่องจำ

Q3: ควรแบ่งเวลาอ่านหนังสือระหว่างภาคความรู้ทั่วไปกับภาคความรู้เฉพาะตำแหน่งอย่างไร?

A: โดยทั่วไปควรให้น้ำหนักกับภาคความรู้เฉพาะตำแหน่งมากกว่า เนื่องจากมีเนื้อหาที่ซับซ้อนและมีน้ำหนักคะแนนสูงกว่า แนะนำให้แบ่งสัดส่วนประมาณ 70:30 หรือ 60:40 ระหว่างความรู้เฉพาะตำแหน่งกับความรู้ทั่วไป อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน หากคุณมีพื้นฐานความรู้ทั่วไปที่ดีอยู่แล้ว อาจทุ่มเทเวลาให้กับความรู้เฉพาะตำแหน่งมากขึ้น