แนวข้อสอบ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ปฏิบัติการ กรมปศุสัตว์

ใช้เซลล์ควบคุมที่ทราบผลแน่นอนในการย้อมทุกครั้ง

ใช้วิธี dilution plate count และตรวจหาเชื้อก่อโรคเฉพาะ

แบ่งเก็บในหลอดที่สะอาดและแช่แข็งที่ -20°C หรือ -80°C

ใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่สอบเทียบแล้วและมีระบบเฝ้าระวังอุณหภูมิ

เก็บในกล่องสไลด์ในที่แห้งและป้องกันแสง

ใช้เชื้อควบคุมมาตรฐานในการทดสอบทุกครั้ง

ใช้วิธี membrane filtration และเพาะเชื้อในอาหารที่เหมาะสม

เก็บตามอุณหภูมิที่กำหนดและติดตามวันหมดอายุ

ทดสอบ pH ความปราศจากเชื้อ และการเจริญของเชื้อควบคุม

ชั่งน้ำหนักน้ำที่ปิเปตต์ได้เทียบกับปริมาตรที่ต้องการ

ใช้เครื่อง air sampler หรือวิธี settle plate ตามมาตรฐาน

เก็บในตู้เก็บสารไวไฟโดยเฉพาะและห่างจากแหล่งความร้อน

ใช้ buffer มาตรฐานอย่างน้อย 2 จุดในการสอบเทียบ

เก็บตามคำแนะนำของผู้ผลิตและมีการติดตามวันหมดอายุ

ใช้วิธี membrane filtration และเพาะเชื้อในอาหารที่มี neutralizer

ใช้ biological indicator และ chemical indicator ในการทดสอบทุกรอบ

ทดสอบการไหลของอากาศและประสิทธิภาพของแผ่นกรอง HEPA

แช่ในน้ำยา 10% neutral buffered formalin ในปริมาณที่เพียงพอ

ใช้วิธี membrane filtration และเพาะเชื้อในอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสม

Atomic Absorption Spectrophotometer (AAS) สามารถวิเคราะห์โลหะหนักได้แม่นยำและมีความไวสูง

ใช้สไลด์ควบคุมที่มีทั้งผลบวกและผลลบในการย้อมทุกครั้ง

ใช้ HPLC หรือ ELISA ในการตรวจหาสารพิษจากเชื้อรา

เก็บในขวดแก้วสีชาที่อุณหภูมิที่เหมาะสมและมีการระบุวันหมดอายุ

ใช้ positive control, negative control และ internal control ในการทดสอบ

ผสมเลือดกับ EDTA ให้เข้ากันทันทีและตรวจวิเคราะห์ภายใน 4 ชั่วโมง

ใช้สารละลายมาตรฐาน holmium oxide ในการตรวจสอบความถูกต้องของความยาวคลื่น

เก็บในกลีเซอรอลที่ -80°C หรือทำ lyophilization

ใช้ biological indicator และ chemical indicator ในการตรวจสอบ

การย้อมสี Giemsa และตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์

ใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่สอบเทียบแล้วและบันทึกอุณหภูมิอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

เก็บในตู้ดูดควันที่อุณหภูมิต่ำและในภาชนะที่ปิดสนิท

ใช้วิธี proportion method หรือ MGIT ในการทดสอบความไวต่อยา

ใช้เชื้อควบคุมทั้งแกรมบวกและแกรมลบในการย้อมทุกครั้ง

ใช้อาหารเลี้ยงเชื้อที่จำเพาะสำหรับแต่ละชนิดของเชื้อก่อโรค

แบ่งเก็บที่ -20°C หรือ -80°C เพื่อป้องกันการเสื่อมสลายของโปรตีน

วัดค่าการนำไฟฟ้าซึ่งต้องต่ำกว่า 1 µS/cm และ pH อยู่ในช่วง 5.0-7.0

Real-time PCR สามารถตรวจหาและวัดปริมาณ DNA ของไวรัสได้อย่างแม่นยำ

Disk diffusion method เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ทดสอบความไวของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพ

เก็บในไนโตรเจนเหลวที่ -196°C โดยใช้ DMSO เป็น cryoprotectant

ควรใช้การตรวจคัดกรองด้วย rapid test และยืนยันด้วย Western blot

ใช้วิธี settle plate หรือ air sampler ร่วมกับอาหารเลี้ยงเชื้อที่จำเพาะ

ควรเก็บที่ -80°C ในภาชนะที่ปิดสนิทและมีการควบคุมการเข้าถึง

ต้องทดสอบทั้งความเป็นกรด-ด่าง ความปราศจากเชื้อ และการเจริญของเชื้อควบคุม

Acid-fast staining เป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจหาเชื้อวัณโรค

ควรตรวจภายใน 2 ชั่วโมงหรือเก็บที่ 4°C ไม่เกิน 24 ชั่วโมง

ใช้วิธี Time-kill study โดยวัดจำนวนเชื้อที่รอดชีวิตหลังสัมผัสน้ำยาในเวลาต่างๆ

เพาะเชื้อบนอาหาร Sabouraud dextrose agar ที่เติมยาปฏิชีวนะ

pH meter ที่ผ่านการสอบเทียบจะให้ผลที่แม่นยำกว่ากระดาษลิตมัส

ใช้วิธี membrane filtration และเพาะเชื้อบนอาหารเลี้ยงเชื้อที่จำเพาะ

ควรแบ่งเป็นส่วนย่อยและเก็บที่ -20°C หรือ -80°C เพื่อรักษาการทำงานของเอนไซม์

SDS-PAGE สามารถแยกโปรตีนตามขนาดและตรวจสอบความบริสุทธิ์ได้

DNA sequencing สามารถตรวจหาการเปลี่ยนแปลงลำดับเบสในยีนได้อย่างละเอียด

ELISA เป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจวัดระดับแอนติบอดีในเลือด

ใช้การวัดการมีชีวิตของเซลล์หลังจากสัมผัสกับสารที่ต้องการทดสอบ เช่น MTT assay

ต้องผ่านการตรึงเนื้อเยื่อ การดึงน้ำออก และการเคลือบด้วยโลหะหนัก

Real-time PCR สามารถตรวจหาและวัดปริมาณ DNA ของเชื้อวัณโรคได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

ควรเก็บในไนโตรเจนเหลวโดยใช้ DMSO เป็นสารป้องกันการแข็งตัวของน้ำในเซลล์

ใช้การปั่นแยกด้วย Ficoll-Hypaque gradient ซึ่งจะแยกเซลล์ตามความหนาแน่น

ต้องตรวจสอบทั้งความปราศจากเชื้อ การปนเปื้อนเอนโดทอกซิน และความเป็นพิษต่อเซลล์

ควรเก็บที่อุณหภูมิ 2-8°C เพื่อป้องกันการเสื่อมสลายของสารชีวเคมีและการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์

ควรทำในสภาวะที่ควบคุมอุณหภูมิที่ 35°C และมีการควบคุมความเข้มข้นของเชื้อให้เป็นไปตามมาตรฐาน

ต้องใช้สารมาตรฐานที่บริสุทธิ์ ชั่งน้ำหนักอย่างแม่นยำ และใช้เครื่องแก้วที่สอบเทียบแล้วในการเตรียม

Spectrophotometer วัดปริมาณแสงที่ผ่านสารละลายเทียบกับแสงที่ส่งผ่าน ตามกฎของ Beer-Lambert

ค่าการนำไฟฟ้าเป็นดัชนีที่บ่งชี้ความบริสุทธิ์ของน้ำกลั่น โดยค่าต้องต่ำกว่า 1 µS/cm

ต้องใช้วัสดุอ้างอิงมาตรฐานที่ได้รับการรับรองและทำการทดสอบซ้ำหลายครั้งเพื่อประเมินความแม่นยำ

ขยะติดเชื้อต้องผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อที่ 121°C 30 นาที ก่อนนำไปกำจัดหรือส่งให้บริษัทที่ได้รับอนุญาต

ต้องทำการทดสอบการไหลของอากาศและประสิทธิภาพของแผ่นกรอง HEPA อย่างน้อยปีละครั้ง

ต้องเก็บในขวดสีชาและเก็บในที่มืด เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากแสง

ควรทำการทดสอบทุก 3-6 เดือน โดยการชั่งน้ำหนักน้ำที่ปิเปตต์ได้เทียบกับปริมาตรที่ต้องการ

ต้องมีการตรวจสอบและบันทึกอุณหภูมิอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และต้องมีระบบแจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิผิดปกติ

Bradford assay เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และมีความไวสูงในการวัดปริมาณโปรตีน

Flow cytometer ใช้หลักการวัดการกระเจิงแสงและการเรืองแสงของเซลล์ที่ผ่านลำแสงเลเซอร์ทีละเซลล์

RT-PCR เป็นเทคนิคที่ใช้ตรวจหา RNA ของไวรัสโดยการแปลง RNA เป็น DNA ก่อนทำการเพิ่มจำนวน

pH ของเลือดปกติอยู่ในช่วง 7.35-7.45 ซึ่งเป็นช่วงที่แคบมากและมีระบบบัฟเฟอร์คอยควบคุม

Sterility test ใช้การเพาะเชื้อในอาหารเลี้ยงเชื้อที่จำเพาะเพื่อตรวจหาการปนเปื้อนของจุลินทรีย์

การนึ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งความดันไอน้ำที่ 121°C 15 นาที เป็นวิธีมาตรฐานสำหรับการฆ่าเชื้อในอาหารเลี้ยงเชื้อ

HPLC ใช้หลักการแยกสารด้วยความดันสูง โดยสารถูกพาผ่านคอลัมน์ด้วยตัวทำละลายและถูกแยกตามคุณสมบัติทางเคมีกายภาพ

Rapid antigen test สามารถให้ผลภายใน 15-30 นาที โดยตรวจหาโปรตีนของไวรัสโดยตรง

ต้องใช้หลอดที่มีสารป้องกันการสลายตัวของกลูโคส (Sodium Fluoride) และเก็บที่อุณหภูมิ 2-8°C

เพื่อยืนยันว่าวิธีการทดสอบที่พัฒนาขึ้นมีความถูกต้อง แม่นยำ และเหมาะสมสำหรับการใช้งานตามวัตถุประสงค์

GLP เป็นระบบคุณภาพที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดการและเงื่อนไขในการวางแผน การดำเนินการ การตรวจสอบ การบันทึก และการรายงานผลการทดลอง

ต้องมีการทำ Quality control ทุกครั้งที่ทำการทดสอบ มีการบันทึกผล และติดตามแนวโน้มของผล QC อย่างต่อเนื่อง

ต้องใช้หลอดเก็บเลือดที่มีสารกันเลือดแข็งที่เหมาะสม เก็บในปริมาณที่พอเหมาะ และผสมให้เข้ากันทันทีโดยการคว่ำหลอดเบาๆ

Atomic absorption spectrophotometer (AAS) ใช้หลักการดูดกลืนแสงของอะตอมโลหะที่ถูกกระตุ้น

Ion exchange chromatography ใช้หลักการแลกเปลี่ยนประจุระหว่างสารที่ต้องการแยกกับวัฏภาคคงที่

การฆ่าเชื้อด้วยรังสีแกมมาเหมาะสำหรับวัสดุที่ไม่ทนความร้อน เช่น พลาสติก โดยไม่ทำให้วัสดุเสียหาย

Coliform bacteria เป็นดัชนีบ่งชี้การปนเปื้อนอุจจาระในน้ำ ซึ่งอาจมีเชื้อก่อโรคอื่นๆ ปนเปื้อนด้วย

PCR เป็นเทคนิคการเพิ่มจำนวน DNA โดยใช้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเป็นวัฏจักร เพื่อแยกสาย การเข้าคู่ของไพรเมอร์ และการสังเคราะห์ DNA สายใหม่

Control material ที่มีค่าทราบแน่นอนใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและแม่นยำของการวิเคราะห์

Disk diffusion method เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ทดสอบความไวของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพ โดยวัดขนาดวงใสรอบแผ่นยา

SDS-PAGE เป็นเทคนิคที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการแยกโปรตีนตามขนาดโมเลกุล โดยใช้ SDS ทำให้โปรตีนมีประจุลบ

วัคซีนส่วนใหญ่ต้องเก็บที่อุณหภูมิ 2-8°C เพื่อรักษาประสิทธิภาพและป้องกันการเสื่อมสภาพ

โมลาร์ (M) เป็นหน่วยที่นิยมใช้เนื่องจากบ่งบอกจำนวนโมลของตัวถูกละลายในสารละลาย 1 ลิตร

การแช่แข็งที่อุณหภูมิ -80°C หรือในไนโตรเจนเหลวช่วยรักษาความมีชีวิตของเชื้อได้นานที่สุด

ELISA เป็นเทคนิคที่ใช้หลักการจับกันระหว่างแอนติเจนและแอนติบอดี และใช้เอนไซม์เป็นตัวบ่งชี้การเกิดปฏิกิริยา

แบคทีเรียส่วนใหญ่เจริญได้ดีที่ pH 6.5-7.5 ซึ่งเป็นสภาวะที่เป็นกลางหรือกรดอ่อน

การนึ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งความดันไอน้ำที่ 121°C เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ทุกชนิด

Creatinine เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการสลายของกล้ามเนื้อและถูกกำจัดผ่านไต ระดับที่สูงขึ้นบ่งชี้การทำงานของไตที่ผิดปกติ

Salmonella เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดในการก่อโรคอาหารเป็นพิษ โดยมักปนเปื้อนในอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไข่

จุลชีววิทยาทางการแพทย์แบ่งออกเป็น 4 สาขาหลัก เพื่อการศึกษาจุลินทรีย์ที่ก่อโรคในมนุษย์อย่างครอบคลุม